ในโลกของระบบควบคุมอัตโนมัติและกระบวนการทางอุตสาหกรรม วาล์วเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการควบคุมการไหลของของเหลวและแก๊ส หนึ่งในประเภทของวาล์วที่มีบทบาทสำคัญคือ Angle Seat Valve หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า Piston Valve วาล์วชนิดนี้มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสิทธิภาพสูงในการควบคุมการไหล ทำให้เป็นที่นิยมใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม
สารบัญเนื้อหา
Toggleในบทความนี้ KLQD Thailand เราจะพาคุณไปสำรวจโลกของ Angle Seat Valve หรือ Piston Valve อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงานพื้นฐาน ส่วนประกอบสำคัญ ไปจนถึงข้อดีและข้อเสียของการใช้งาน นอกจากนี้ เราจะแนะนำการเลือกวาล์วประเภทนี้พร้อมยกตัวอย่าง
Angle Seat Valve (Piston Valves) คืออะไร?
Angle Seat Valve หรือ Piston Valve เป็นวาล์วควบคุมการไหลที่มีการออกแบบพิเศษ โดยมีลักษณะเด่นคือการวางที่นั่งของวาล์ว (valve seat) ในมุมเฉียง ซึ่งแตกต่างจากวาล์วทั่วไปที่มักจะมีที่นั่งวาล์วในแนวตั้งฉากกับทิศทางการไหล การออกแบบในลักษณะนี้ช่วยให้วาล์วสามารถควบคุมการไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่มีแรงดันสูงหรือต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว
หลักการทำงานพื้นฐาน
หลักการทำงานของ Angle Seat Valve อาศัยการเคลื่อนที่ของลูกสูบ (piston) ที่เชื่อมต่อกับแกนวาล์ว (valve stem) เมื่อมีการส่งสัญญาณควบคุม (ซึ่งมักเป็นแรงดันลม) เข้าสู่กระบอกสูบ ลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้นหรือลง ทำให้แกนวาล์วเคลื่อนที่ตาม ส่งผลให้วาล์วเปิดหรือปิด การที่ที่นั่งวาล์ววางในมุมเฉียงช่วยให้การเปิด-ปิดทำได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิดีโอสาธิตการทำงาน:
ความแตกต่างจากวาล์วประเภทอื่น
Angle Seat Valve มีความแตกต่างจากวาล์วประเภทอื่นหลายประการ:
- การตอบสนองที่รวดเร็ว: ด้วยการออกแบบที่ใช้ลูกสูบในการควบคุม ทำให้วาล์วสามารถเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็ว
- ความทนทานสูง: สามารถทนต่อแรงดันและอุณหภูมิสูงได้ดีกว่าวาล์วทั่วไป
- การรั่วไหลต่ำ: การวางที่นั่งวาล์วในมุมเฉียงช่วยให้การปิดสนิทมากขึ้น ลดโอกาสการรั่วไหล
- ความเหมาะสมกับการใช้งานเฉพาะทาง: เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำและรวดเร็ว
ส่วนประกอบหลักของ Angle Seat Valve
เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Angle Seat Valve ได้ดียิ่งขึ้น เราจะมาดูส่วนประกอบหลักของวาล์วชนิดนี้กัน
ตัววาล์ว (Valve body)
ส่วนนี้เป็นหัวใจสำคัญของ Angle Seat Valve โดยที่นั่งวาล์วจะถูกออกแบบให้วางในมุมเฉียงประมาณ 45 องศากับแนวการไหล การออกแบบนี้ช่วยให้ การเปิด-ปิดวาล์วทำได้เร็วขึ้น ลดแรงเสียดทานระหว่างการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการไหลรวมถึงลดโอกาสการเกิด Water Hammer ในระบบท่อ
ลูกสูบ (Piston)
ลูกสูบเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนการทำงานของวาล์ว โดยทั่วไปจะทำจากวัสดุที่ทนทาน เช่น สแตนเลสสตีล หรือ โลหะผสมพิเศษ ลูกสูบจะเชื่อมต่อกับแกนวาล์วและเคลื่อนที่ขึ้นลงตามแรงดันที่ได้รับ
กระบอกลม (Pneumatic Cylinder)
กระบอกลมเป็นส่วนที่บรรจุลูกสูบและใช้แรงดันลมในการควบคุมการเคลื่อนที่ของลูกสูบ ซึ่งส่งผลต่อการเปิด-ปิดของวาล์ว กระบอกลมนี้มักจะมีพอร์ตสำหรับการต่อท่อลมเพื่อควบคุมการทำงาน
แกนวาล์ว (Valve Stem)
แกนวาล์วเป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างลูกสูบและตัววาล์ว ทำหน้าที่ส่งผ่านการเคลื่อนที่จากลูกสูบไปยังตัววาล์วเพื่อควบคุมการเปิด-ปิด
ซีล (Seals)
ซีลเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยป้องกันการรั่วไหลระหว่างส่วนต่าง ๆ ของวาล์ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างส่วนที่เคลื่อนที่ได้ เช่น แกนวาล์ว กับส่วนที่อยู่กับที่
ตัวเรือนวาล์ว (Valve Body)
ตัวเรือนวาล์วเป็นโครงสร้างหลักที่บรรจุส่วนประกอบอื่น ๆ ทั้งหมด มักทำจากวัสดุที่ทนทานต่อแรงดันและสารเคมี เช่น สแตนเลสสตีล หรือ ทองเหลือง
หลักการทำงานของ Angle Seat Valve
การทำงานของ Angle Seat Valve สามารถแบ่งได้เป็นสองขั้นตอนหลัก ได้แก่
การเปิดวาล์ว
- เมื่อได้รับสัญญาณให้เปิดวาล์ว แรงดันลมจะถูกส่งเข้าสู่กระบอกลม
- แรงดันลมจะดันลูกสูบให้เคลื่อนที่
- การเคลื่อนที่ของลูกสูบจะส่งผ่านไปยังแกนวาล์ว ทำให้ตัววาล์วยกขึ้นจากที่นั่ง
- เมื่อวาล์วยกขึ้น ช่องทางการไหลจะเปิด ทำให้ของเหลวหรือแก๊สสามารถไหลผ่านได้
การปิดวาล์ว
- เมื่อได้รับสัญญาณให้ปิดวาล์ว แรงดันลมในกระบอกลมจะถูกปล่อยออก
- สปริงภายในกระบอกลม (ในกรณีที่เป็นแบบ spring return) หรือแรงดันลมอีกด้านหนึ่ง (ในกรณีที่เป็นแบบ double acting) จะดันลูกสูบกลับ
- การเคลื่อนที่ของลูกสูบจะส่งผ่านไปยังแกนวาล์ว ทำให้ตัววาล์วลงมาปิดสนิทกับที่นั่ง
- เมื่อวาล์วปิดสนิท การไหลของของเหลวหรือแก๊สจะถูกหยุด
การที่ที่นั่งวาล์ววางในมุมเฉียงช่วยให้การเปิด-ปิดทำได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากแรงที่ใช้ในการยกวาล์วน้อยกว่าวาล์วแบบตั้งตรง
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Angle Seat Valve
ข้อดี:
- การตอบสนองที่รวดเร็ว: ด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ Angle Seat Valve สามารถเปิดและปิดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เหมาะสำหรับระบบที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำและรวดเร็ว เช่น ในกระบวนการผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการการควบคุมการไหลอย่างแม่นยำ
- ความทนทานสูง: วาล์วชนิดนี้สามารถทนต่อแรงดันสูงและอุณหภูมิสูงได้ดี ทำให้สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่มีสารเคมีที่มีความดันสูงและอุณหภูมิสูง
- การรั่วไหลต่ำ: การออกแบบของที่นั่งวาล์วที่ปิดแน่นทำให้การรั่วไหลต่ำหรือแทบไม่มีการรั่วไหลเลย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น อุตสาหกรรมยาและเคมีภัณฑ์
- ติดตั้งง่าย: การออกแบบที่มีมุมเฉียงทำให้สามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัดได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่จำกัด หรือในระบบที่มีท่อซับซ้อน
- ใช้กับของเหลวและแก๊สได้หลายประเภท: Angle Seat Valve สามารถใช้ได้กับทั้งของเหลวและแก๊สในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ระบบน้ำ ระบบลม หรือระบบแก๊ส ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งาน
- อายุการใช้งานยาวนาน: ด้วยการออกแบบที่ทนทานและการสึกหรอต่ำ Angle Seat Valve มักมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าวาล์วประเภทอื่น ๆ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและลดการหยุดทำงานของระบบเพื่อบำรุงรักษา
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายสูง: เนื่องจากมีการออกแบบที่ซับซ้อนและต้องการวัสดุที่ทนทาน วาล์วชนิดนี้มักมีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับวาล์วชนิดอื่น ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับโครงการที่มีงบประมาณจำกัด
- การบำรุงรักษา: แม้ว่าจะมีความทนทาน แต่เมื่อต้องการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซม การเข้าถึงส่วนประกอบอาจจะยุ่งยาก โดยเฉพาะในพื้นที่ติดตั้งที่จำกัด ซึ่งอาจต้องการผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการบำรุงรักษา
- ความไวต่อสิ่งสกปรก: หากใช้ในระบบที่มีสิ่งสกปรกหรือสารแขวนลอยในของเหลวหรือแก๊ส อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานได้ เนื่องจากการติดขัดในกลไกภายใน ดังนั้นจึงอาจต้องมีระบบกรองเพิ่มเติมในบางกรณี
- การควบคุมที่จำกัด: วาล์วชนิดนี้อาจจะไม่เหมาะกับงานที่ต้องการการควบคุมการไหลที่ละเอียดมาก เพราะถูกออกแบบมาเพื่อการเปิด-ปิดที่รวดเร็ว หากต้องการการควบคุมแบบต่อเนื่อง (modulating control) อาจต้องพิจารณาใช้วาล์วประเภทอื่น
- ความซับซ้อนในการติดตั้งระบบควบคุม: การที่ต้องใช้ระบบลมในการควบคุมอาจทำให้การติดตั้งซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีระบบลมอัดอยู่แล้ว
- ข้อจำกัดด้านขนาด: Angle Seat Valve มักมีข้อจำกัดในเรื่องขนาด โดยทั่วไปจะมีขนาดไม่เกิน 3 นิ้ว ซึ่งอาจไม่เหมาะกับระบบที่ต้องการวาล์วขนาดใหญ่
การเลือก Angle Seat Valves หรือ Piston Valves
ในการเลือกซื้อ Piston Valve มีปัจจัยที่คุณจำเป็นต้องพิจารณา ดังต่อไปนี้
- Orifice Size หรือ Nominal Diameter: ขนาดรูหรือขนาดที่ใช้งานในระบบที่ต้องการนำวาล์วไปติดตั้งโดยขนาดทั่วไปของพิสตั้นวาล์วจะอยู่ที่ DN15~DN100 (1/2″ ถึง 4″)
- Actuator Material: วัสดุของ Actuator ที่ใช้ในการควบคุม Angle seat valve โดยพิจารณาเลือกตามความเหมาะสม ส่วนใหญ่จะทำจากพลาสติกหรือสแตนเลส
- Valve Body Material: วัสดุหลักของวาล์ว ควรเลือกโดยพิจารณาถึงความเข้ากันได้ระหว่างของไหลในระบบและวัสดุของตัววาล์ว
- Mounting: ประเภทการติดตั้งของ Angle seat valve โดยมีให้เลือกตั้งแต่แบบเกลียว (Thread), หน้าแปลน (Flange), เชื่อม (Welding) และแคลมป์ล็อค(Tri-Clamp)
- Acting type: พิจารณาเลือกระหว่าง Single Acting หรือ Double Acting
- Default state: พิจารณาสถานะตั้งต้นของวาล์ว ระหว่างปกติปิด (Normally Closed) หรือ ปกติเปิด (Normally Open)
- Accessories: การติดตั้งอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ช่น Positioner หรือ Limit Switch
ตัวอย่างการเลือก Piston Valve
เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้งาน ผู้ผลิตส่วนใหญ่จึงมี Ordering Code เพื่อสื่อสารระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายทำให้ง่ายต่อการสั่งซื้อ ซึ่งตัวอย่างต่อไปนี้เป็นการเลือก Piston Valve รุ่น KLJZF จากแบรนด์ KLQD โดยเลือก
Ordering Code = KLJZF-DN25-SS-SS316-F-2
- KLJZF: Piston Valve รุ่น KLJZF
- DN25: ขนาด DN25 หรือ 1 นิ้ว
- SS: Actuator วัสดุสแตนเลส
- SS316: วัสดุวาล์วทำจากสแตนเลส 316
- F: ติดตั้งแบบหน้าแปลน
- 2: Actuator ทำงานแบบ Double acting และมีสถานะวาล์วเป็นปกติปิด(NC)
- Blank: ไม่ติดตั้งอุปกรณ์เสริม
บทสรุป
โดยสรุปแล้ว Angle seat valve หรือ Piston Valve เป็นวาล์วที่ออกแบบมาให้ที่นั่งของวาล์วอยู่ในมุมเฉียง มีการทำงานที่รวดเร็ว ทนทานต่อแรงดันและอุณหภูมิสูง การรั่วไหลต่ำ และติดตั้งง่าย แต่มีค่าใช้จ่ายสูง บำรุงรักษายากในบางกรณี และอาจไม่เหมาะกับการควบคุมการไหลที่ละเอียด นอกจากนี้การที่ Angle seat valve ใช้กระบอกสูบในการควบคุมจึงทำให้ผู้ใช้งานหลายคนอาจเรียกวาล์วชนิดนี้ว่า Piston valve